การเลี้ยงกุ้งเครฟิช
การเลี้ยงกุ้งเครฟิช
เนื่องจากมีคนสนใจอยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงและผสมพันธุ์น้องเครที่รักของเรา
ก็เลยคิดว่าน่าจะดีถ้าทำเป็นกระทู้ให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาอ่านกัน
แต่ต้องขอออกตัวก่อนว่าสิ่งที่กำลังจะเขียนนี้เราได้กลั่นกรองออกมาจากประสบการณ์
จริงของเราล้วน ๆ นะคะ อาจไม่ตรงกับสิ่งที่ใครหลายคนคิดต้องขออภัยด้วย
การเลือกซื้อน้องเคร
1. เลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้และผู้ขายสามารถให้ความรู้กับเราได้ในเบื้องต้น
2. เลือกตัวที่แข็งแรงให้ลองแหย่ ๆ เค้าดูถ้าตัวไหนชูก้ามสู้ หรือมีปฏิกิริยากระโดดหนี
อย่างรวดเร็วเป็นต้น ที่สำคัญตาต้องอยู่ครบเพราะไม่สามารถงอกใหม่ได้
การเลือกซื้อตู้ให้เหมาะสม
เครฟิชเป็นกุ้งที่ต้องการพื้นที่ เพื่อลดการปะทะหรือให้น้องกุ้งได้มีพื้นที่เดินบ้างจะได้แข็งแรง
จากประสบการณ์ส่วนตัวที่สังเกตุมาน้องกุ้งตัวไหนที่เดินเก่ง ๆ ขนหิน มีกิจกรรมตลอดเวลา
ชอบปีนป่าย กุ้งพวกนี้จะมีรูปร่างสวยงามแข็งแรงกว่ากุ้งที่ชอบหมอบ ๆ และหลบ ๆ ตัวอย่างตู้ที่ใช้เลี้ยงจะเป็นทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส (ทรง Cube) เพื่อให้มีพื้นที่มากพอ
สำหรับน้องกุ้งเค้าค่ะ
วัสดุปูพื้นตู้
โดยส่วนตัวแล้วชอบหินนิลดำเพราะทำให้น้องกุ้งสีสวยขึ้น ราคาถูก และทำความสะอาดง่ายค่ะ
การให้อาหาร
จะให้อาหารวันละสองครั้งเช้าและค่ำ ๆ ค่ำ พยายามให้อาหารให้ตรงเวลาค่ะน้องกุ้งจะได้สุขภาพดี
และก็เก็บเศษอาหารออกให้หมดค่ะ สังเกตพฤติกรรมการกินอาหารของน้องกุ้งด้วยค่ะเพราะการ
ไม่กินอาหารของน้องกุ้งบ่งบอกว่าน้องกำลังจะลอกคราบค่ะ จะได้แยกเค้าออกทัน
การลอกคราบ
เป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ ค่ะสำหรับการเลี้ยงรวม 90 เปอร์เซ็นต์ของกุ้งเครฟิชจะหยุดกินอาหาร
ก่อนจะลอกคราบประมาณ 1-2 วันและจะแยกตัวออกจากกลุ่มเพื่อน ๆ หรือปีนขึ้นไปอยู่ที่สูง
หรือไม่ก็หลบในมุมที่ไม่ค่อยมีกุ้งตัวอื่น ๆ เข้าไปกวน
สิ่งที่สังเกตุได้ง่ายอีกอย่างคือสีของน้องกุ้งจะทึบและเข้มขึ้นกว่าปกติ
การผสมพันธุ์
เอาล่ะตอนนี้มาถึงเรื่องที่เพื่อน ๆ หลายคนอยากรู้ว่าทำยังไงทำไมถึงท้องเยอะจัง
ก็ต้องบอกว่าไม่ได้มีเคล็ดลับอะไรมากมายค่ะ ให้อาหารก็ยี่ห้อที่ทั่ว ๆ ไปเค้าใช้กัน
แต่จะเสริมด้วยอาหารสดบางอย่างเช่น หนอนแดง กุ้งฝอยต้ม แครอท สาหร่ายหางกระรอก
เมื่อเค้าโตประมาณ 2.5 นิ้ว น้องเครเค้าจะมีสัญชาตญาณหื่นขึ้นมาเองค่ะ เค้าก็จะเริ่ม
ผสมกันให้เห็นบ่อยครั้งค่ะ และในตู้ส่วนใหญ่จะใส่ตัวเมียไว้มากกว่าตัวผู้เสมอ (เหมือนฮาเร็ม)
เพื่อที่ตัวผู้จะสามารถผสมพันธุ์กับตัวเมียสลับไปสลับมาได้ เพราะถ้าอยู่ในตู้กันสองต่อสอง
ตัวผู้บางตัวที่หื่น จัดๆ อาจข่มขืนตัวเมียจนตายได้ค่ะ (หลายท่านคงเจอมาแล้ว)
หลังจากเค้าเริ่มผสมพันธุ์กันสิ่งที่จะเกิดขึ้นเลยคือพฤติกรรมการกินอาหารของเค้า
จะกินน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดทั้งตัวผู้และตัวเมีย และตัวเมียก็จะหมอบ ๆ หางม้วน ๆ ค่ะ
บางท่านอาจจะแยกตัวเมียออกไปโดยปกติแล้วหลังจากผสมแล้วประมาณ 15 วัน
ก็จะรู้ผลแล้วว่าติดหรือไม่ ถ้าไม่ก็ผสมซ้ำได้เลย แต่ประสบการณ์ส่วนตัวเรา
ใช้วิธีสังเกตุว่าตัวเมียในตู้ตัวไหนถูกผสมบ่อยสุด จะคอยจับตาพฤติกรรมเค้า
เป็นพิเศษ ถ้าเค้าจะไข่เค้าจะหาที่มุด ๆ หลบ ๆ ตามใต้ขอนไม้หรือในบ้าน
และจะดุมากใครเข้าไปใกล้ ๆ เค้าจะชูก้ามขู่เพื่อไม่ให้ตัวอื่นมายุ่มยามบริเวณบ้านเค้า
และที่สำคัญเลยเค้าจะไม่ออกมากินอาหารเราก็จะเขี่ย ๆ ดูว่ามีไข่รึเปล่าถ้าไข่
ก็จะใช้วิธีแยกตัวที่ไข่ออกมาจากตู้
แต่... ก่อนจะแยกกุ้งไข่จากตู้สิ่งที่ต้องทำก่อนคือจัดตู้คุณแม่กุ้งให้เรียบร้อย
ตอนแรก ๆ เลยเราใช้ตู้กระจกธรรมดานี่แหละค่ะให้แม่กุ้งอยู่แล้วใช้ฟิวเจอร์บอร์ด
ปิดรอบตู้ให้มืด ๆ เพื่อไม่ให้แม่กุ้งเครียด
แต่ตอนหลังเราใช้ถังพลาสติกค่ะใหญ่ ๆ กว่าตู้ 24 ค่ะ จำไซส์ไม่ได้แล้ว
แล้วเอาน้ำในตู้ที่แม่กุ้งเค้าอยู่เดิมนั่นแหละใส่ลงไป ใส่กรองฟองน้ำลงไป
แล้วก็ค่อย ๆ ช้อนแม่กุ้งมาใส่ในขันซึ่งขันนั้นต้องมีน้ำอยู่ด้วยนะคะน้ำก็
เป็นน้ำในตู้เค้าแหละค่ะ เวลาช้อนก็ค่อย ๆ นะคะอย่าให้คุณแม่เค้าตกใจ
จนกระโดดล่ะเดี๋ยวไข่หลุดหมด โดยส่วนตัวก็จะคุยกับคุณแม่กุ้งเค้า
บอกเค้าว่ามาหาแม่มามะ เดี๋ยวแม่พาไปอยู่ที่ใหม่ไม่มีใครมารบกวน
เลยนะลูกนะ เค้าจะได้รีบมาไงคะ อิอิ
แล้วก็เอาขันนั้นน่ะมาค่อย ๆ เอียงนะคะให้น้ำในถังค่อย ๆ ไหลเข้าไปในขัน
ให้เค้าชิน ๆ หน่อยแล้วก็ค่อย ๆ เทเค้าเบา ๆ ลงไปในถัง หลังจากนั้นก็
ใช้ฟิวเจอร์บอร์ดสีดำ ๆ ปิดปากถังไม่ต้องปิดหมดนะคะ แค่ครึ่งเดียวก็พอ
ไม่ให้มีแสงสว่างมากนัก แต่อย่าปิดหมดนะคะเพราะจำทำให้อบค่ะ
อุณหภูมิของน้ำอาจสูงขึ้นได้
แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการจัดที่อยู่สำหรับคุณแม่กุ้งกันแล้ว
การให้อาหารคุณแม่กุ้งเครฟิช
การให้อาหารไม่ต้องมากค่ะเช่น กุ้งฝอยต้ม 1 ตัวเค้าก็กินไม่หมดแล้ว
เพราะระยะที่เค้าอุ้มไข่แม่กุ้งจะอดอาหารเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองลอกคราบ
ในขณะอุ้มไข่ค่ะ ให้วันละ 1 มื้อก็เพียงพอค่ะ หลังจากให้อาหารแล้ว
ประมาณ 2-3 ชม. ให้ดูว่าหมดไม๊ ก็ให้เก็บเศษอาหารที่เหลือออก
ทันทีค่ะ สิ่งที่พึงระวังอย่างมากคือคุณภาพน้ำค่ะ ควบคุมคุณภาพน้ำ
ให้ดีค่ะอย่าให้มีของเสียเยอะเพราะแม่กุ้งจะสลัดไข่ทิ้งค่ะ
อุณหภูมิ
การจัดวางตู้คุณแม่กุ้งสถานที่เป็นสิ่งสำคัญมากให้ดูว่าตรงไหนที่จะไม่ทำให้
อุณหภูมิของน้ำเปลี่ยนขึ้นลงเร็วเกินไปค่ะ อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสม
จะอยู่ที่ประมาณ 25 องศา ค่ะ พยายามควบคุมอย่าให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลง
มากนักเช่น ไม่ควรขึ้นหรือลงเกิน 2 องศาค่ะ เพราะจะทำให้คุณแม่กุ้ง
เกิดความเครียดและสลัดไข่ทิ้งเช่นกัน
สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ช่วยควบคุมไม่ให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงมาก และรวดเร็ว
คือปริมาณของน้ำค่ะ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือตู้คุณแม่กุ้งต้องใหญ่ ๆ ค่ะ
น้ำต้องเยอะ ๆ ค่ะ อุณหภูมิของน้ำจะไม่เปลี่ยนแปลงมากค่ะ
ระยะเวลาการการฟักไข่
หลังจากที่คุณแม่เค้าเริ่มไข่แล้วจะให้ระยะเวลาประมาณสามสัปดาห์สีของไข่
จะเริ่มทยอยเปลี่ยนสี อย่างเช่น อัลลินี่ไข่ระยะแรกสีจะดำ หลังจากนั้น
ไข่จะพัฒนาค่อย ๆ ทยอยเปลี่ยนสีเป็นใส ๆ และเริ่มเห็นเป็นตัวและลูกตา
ของน้องกุ้งตัวน้อย ๆ พร้อมที่จะออกมาชมโลก
สีไข่ของกุ้งแค่ละสีจะไม่เหมือนกันนะคะ เช่น อัลลินี่ไข่จะสีดำ
ในระยะแรก สโนว์ไข่จะสีขาว บลูสป็อตไข่จะอีกสีน้ำตาลนิด ๆ ค่ะ
แต่ระยะสุดท้ายจะพัฒนาเป็นใส ๆ และมีจุดสองจุดคือลูกตาน้องกุ้ง
นั่นเอง
นับจากวันที่อุ้มไข่ประมาณ 30 วันไข่ที่ถูกผสมจะพัฒนาเป็นลูกกุ้ง
ส่วนไข่ที่ไม่ผสมคุณแม่กุ้งเค้าก็จะสลัดทิ้งไปโดยตัวเค้าเองค่ะ
ระยะนี้คุณแม่กุ้งเค้าจะยืนนิ่ง ๆ ทั้งวันค่ะ เพื่อให้เจ้ากุ้งน้อย ๆ ที่พร้อมแล้วกระโดดออกมาจากระยางค์ของเค้า ระยะนี้
จะใช้เวลาประมาณ 2-4 วันโดยประมาณแล้วแต่ปริมาณ
ของไข่ที่ฟักค่ะ
การดูแลคุณแม่กุ้งหลังคลอดและเด็ก ๆ
หลังจากเจ้าตัวน้อย ๆ ออกมาเดินเป็นยุงกันเต็มแล้ว
คุณแม่กุ้งเค้าก็จะเริ่มกินอาหารมากขึ้นค่ะ เพื่อสะสม
อาหารสำหรับการลอกคราบ
โดยปกติแล้วพอเจ้าตัวน้อยออกไปหมดแล้วเราก็จะทำการ
แยกแม่กุ้งออกเลยค่ะ แล้วก็ให้เค้ากินอาหาร หลังจากนั้น
ประมาณ 2 สัปดาห์คุณแม่เค้าก็จะลอกคราบค่ะ คุณแม่บางตัว
อาจลอกคราบถึงสองครั้งหลังจากการอุ้มท้อง แต่บางตัวก็
ลอกแค่ครั้งเดียวค่ะ
ส่วนลูกกุ้งนั้น เราก็จะใส่สาหร่ายหางกระรอกให้เค้าเยอะ ๆ ค่ะ
สำหรับเป็นที่หลบภัย และก็เป็นอาหารได้ด้วย
ผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ก็จะเริ่มให้อาหารเม็ดค่ะ
ที่ใช้อยู่จะเป็น เตตร้าครัสต้าค่ะ ที่เป็นแผ่นบาง ๆ ค่ะ
ที่เลือกใช้แบบนี้เพราะแผ่นบาง ๆ สามารถละลายน้ำ
ได้ง่ายเหมาะสำหรับลูกกุ้งวัยอนุบาลค่ะ กินง่าย
ตอนแรกเคยทดลองให้ไข่ต้มค่ะ แต่ปรากฎว่ากุ้งกินค่ะ
แต่ไม่เป็นผลดีกับน้ำเลยทำให้น้ำเสียและลูกกุ้งก็
ตายไปหลายตัวเหมือนกันค่ะ
การให้อาหารก็กะเอาค่ะไม่ต้องมากค่ะ เพราะเรา
ใส่สาหร่ายหางกระรอกอยู่แล้วยังไงน้องกุ้งน้อย
เค้าก็มีสาหร่ายให้แทะกินได้ตลอดเวลาค่ะ
ไม่ต้องกลัวเค้าจะหิวเพราะถ้าอาหารเหลือ
น้ำเสีย อาจถึงตายได้ค่ะ
ตู้สำหรับกุ้งวัยอนุบาล
หลังจากน้องกุ้งเริ่มตัวโตขึ้นแล้ว เราก็จะค่อย ๆ แยกน้องกุ้งออกไปค่ะเฉลี่ย ๆ ดู อย่าให้แออัดมากนัก
เพราะน้องกุ้งเค้าจะกินกันเองตอนลอกคราบได้ค่ะ
ตอนนี้คิดออกแค่นี้ค่ะ ถ้ามีใครสนใจหรือสงสัยอะไร
สามารถสอบถามเพิ่มได้ค่ะ คิดคนเดียวคิดไม่ออกแล้วค่ะ
อ้อสิ่งสำคัญมาก ๆ อีกอย่างสำหรับการเลี้ยงน้องกุ้ง
ต้องระวังเลยอันตรายมาก ๆ คือเรื่องสารเคมีค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นสปรย์ฉีดผม สเปรย์ปรับอากาศ ยาทาเล็บ
น้ำยาล้างเล็บ เจลใส่ผม เหล่านี้เป็นต้น เพื่อความ
ปลอดภัยของน้องกุ้งที่คุณรัก ก่อนจะหยิบจับหรือ
ทำภาระกิจใด ๆ ภายในตู้กุ้งควรล้างมือของท่าน
ให้เรียบร้อยก่อนทุกครั้งค่ะ เพราะสารเคมีจาก
สิ่งที่เราใช้อยู่อาจเป็นอันตรายกับน้องกุ้งที่คุณรัก
ได้นะคะ
ก็เลยคิดว่าน่าจะดีถ้าทำเป็นกระทู้ให้ผู้ที่สนใจได้เข้ามาอ่านกัน
แต่ต้องขอออกตัวก่อนว่าสิ่งที่กำลังจะเขียนนี้เราได้กลั่นกรองออกมาจากประสบการณ์
จริงของเราล้วน ๆ นะคะ อาจไม่ตรงกับสิ่งที่ใครหลายคนคิดต้องขออภัยด้วย
การเลือกซื้อน้องเคร
1. เลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้และผู้ขายสามารถให้ความรู้กับเราได้ในเบื้องต้น
2. เลือกตัวที่แข็งแรงให้ลองแหย่ ๆ เค้าดูถ้าตัวไหนชูก้ามสู้ หรือมีปฏิกิริยากระโดดหนี
อย่างรวดเร็วเป็นต้น ที่สำคัญตาต้องอยู่ครบเพราะไม่สามารถงอกใหม่ได้
การเลือกซื้อตู้ให้เหมาะสม
เครฟิชเป็นกุ้งที่ต้องการพื้นที่ เพื่อลดการปะทะหรือให้น้องกุ้งได้มีพื้นที่เดินบ้างจะได้แข็งแรง
จากประสบการณ์ส่วนตัวที่สังเกตุมาน้องกุ้งตัวไหนที่เดินเก่ง ๆ ขนหิน มีกิจกรรมตลอดเวลา
ชอบปีนป่าย กุ้งพวกนี้จะมีรูปร่างสวยงามแข็งแรงกว่ากุ้งที่ชอบหมอบ ๆ และหลบ ๆ ตัวอย่างตู้ที่ใช้เลี้ยงจะเป็นทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส (ทรง Cube) เพื่อให้มีพื้นที่มากพอ
สำหรับน้องกุ้งเค้าค่ะ
วัสดุปูพื้นตู้
โดยส่วนตัวแล้วชอบหินนิลดำเพราะทำให้น้องกุ้งสีสวยขึ้น ราคาถูก และทำความสะอาดง่ายค่ะ
การให้อาหาร
จะให้อาหารวันละสองครั้งเช้าและค่ำ ๆ ค่ำ พยายามให้อาหารให้ตรงเวลาค่ะน้องกุ้งจะได้สุขภาพดี
และก็เก็บเศษอาหารออกให้หมดค่ะ สังเกตพฤติกรรมการกินอาหารของน้องกุ้งด้วยค่ะเพราะการ
ไม่กินอาหารของน้องกุ้งบ่งบอกว่าน้องกำลังจะลอกคราบค่ะ จะได้แยกเค้าออกทัน
การลอกคราบ
เป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ ค่ะสำหรับการเลี้ยงรวม 90 เปอร์เซ็นต์ของกุ้งเครฟิชจะหยุดกินอาหาร
ก่อนจะลอกคราบประมาณ 1-2 วันและจะแยกตัวออกจากกลุ่มเพื่อน ๆ หรือปีนขึ้นไปอยู่ที่สูง
หรือไม่ก็หลบในมุมที่ไม่ค่อยมีกุ้งตัวอื่น ๆ เข้าไปกวน
สิ่งที่สังเกตุได้ง่ายอีกอย่างคือสีของน้องกุ้งจะทึบและเข้มขึ้นกว่าปกติ
การผสมพันธุ์
เอาล่ะตอนนี้มาถึงเรื่องที่เพื่อน ๆ หลายคนอยากรู้ว่าทำยังไงทำไมถึงท้องเยอะจัง
ก็ต้องบอกว่าไม่ได้มีเคล็ดลับอะไรมากมายค่ะ ให้อาหารก็ยี่ห้อที่ทั่ว ๆ ไปเค้าใช้กัน
แต่จะเสริมด้วยอาหารสดบางอย่างเช่น หนอนแดง กุ้งฝอยต้ม แครอท สาหร่ายหางกระรอก
เมื่อเค้าโตประมาณ 2.5 นิ้ว น้องเครเค้าจะมีสัญชาตญาณหื่นขึ้นมาเองค่ะ เค้าก็จะเริ่ม
ผสมกันให้เห็นบ่อยครั้งค่ะ และในตู้ส่วนใหญ่จะใส่ตัวเมียไว้มากกว่าตัวผู้เสมอ (เหมือนฮาเร็ม)
เพื่อที่ตัวผู้จะสามารถผสมพันธุ์กับตัวเมียสลับไปสลับมาได้ เพราะถ้าอยู่ในตู้กันสองต่อสอง
ตัวผู้บางตัวที่หื่น จัดๆ อาจข่มขืนตัวเมียจนตายได้ค่ะ (หลายท่านคงเจอมาแล้ว)
หลังจากเค้าเริ่มผสมพันธุ์กันสิ่งที่จะเกิดขึ้นเลยคือพฤติกรรมการกินอาหารของเค้า
จะกินน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดทั้งตัวผู้และตัวเมีย และตัวเมียก็จะหมอบ ๆ หางม้วน ๆ ค่ะ
บางท่านอาจจะแยกตัวเมียออกไปโดยปกติแล้วหลังจากผสมแล้วประมาณ 15 วัน
ก็จะรู้ผลแล้วว่าติดหรือไม่ ถ้าไม่ก็ผสมซ้ำได้เลย แต่ประสบการณ์ส่วนตัวเรา
ใช้วิธีสังเกตุว่าตัวเมียในตู้ตัวไหนถูกผสมบ่อยสุด จะคอยจับตาพฤติกรรมเค้า
เป็นพิเศษ ถ้าเค้าจะไข่เค้าจะหาที่มุด ๆ หลบ ๆ ตามใต้ขอนไม้หรือในบ้าน
และจะดุมากใครเข้าไปใกล้ ๆ เค้าจะชูก้ามขู่เพื่อไม่ให้ตัวอื่นมายุ่มยามบริเวณบ้านเค้า
และที่สำคัญเลยเค้าจะไม่ออกมากินอาหารเราก็จะเขี่ย ๆ ดูว่ามีไข่รึเปล่าถ้าไข่
ก็จะใช้วิธีแยกตัวที่ไข่ออกมาจากตู้
แต่... ก่อนจะแยกกุ้งไข่จากตู้สิ่งที่ต้องทำก่อนคือจัดตู้คุณแม่กุ้งให้เรียบร้อย
ตอนแรก ๆ เลยเราใช้ตู้กระจกธรรมดานี่แหละค่ะให้แม่กุ้งอยู่แล้วใช้ฟิวเจอร์บอร์ด
ปิดรอบตู้ให้มืด ๆ เพื่อไม่ให้แม่กุ้งเครียด
แต่ตอนหลังเราใช้ถังพลาสติกค่ะใหญ่ ๆ กว่าตู้ 24 ค่ะ จำไซส์ไม่ได้แล้ว
แล้วเอาน้ำในตู้ที่แม่กุ้งเค้าอยู่เดิมนั่นแหละใส่ลงไป ใส่กรองฟองน้ำลงไป
แล้วก็ค่อย ๆ ช้อนแม่กุ้งมาใส่ในขันซึ่งขันนั้นต้องมีน้ำอยู่ด้วยนะคะน้ำก็
เป็นน้ำในตู้เค้าแหละค่ะ เวลาช้อนก็ค่อย ๆ นะคะอย่าให้คุณแม่เค้าตกใจ
จนกระโดดล่ะเดี๋ยวไข่หลุดหมด โดยส่วนตัวก็จะคุยกับคุณแม่กุ้งเค้า
บอกเค้าว่ามาหาแม่มามะ เดี๋ยวแม่พาไปอยู่ที่ใหม่ไม่มีใครมารบกวน
เลยนะลูกนะ เค้าจะได้รีบมาไงคะ อิอิ
แล้วก็เอาขันนั้นน่ะมาค่อย ๆ เอียงนะคะให้น้ำในถังค่อย ๆ ไหลเข้าไปในขัน
ให้เค้าชิน ๆ หน่อยแล้วก็ค่อย ๆ เทเค้าเบา ๆ ลงไปในถัง หลังจากนั้นก็
ใช้ฟิวเจอร์บอร์ดสีดำ ๆ ปิดปากถังไม่ต้องปิดหมดนะคะ แค่ครึ่งเดียวก็พอ
ไม่ให้มีแสงสว่างมากนัก แต่อย่าปิดหมดนะคะเพราะจำทำให้อบค่ะ
อุณหภูมิของน้ำอาจสูงขึ้นได้
แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการจัดที่อยู่สำหรับคุณแม่กุ้งกันแล้ว
การให้อาหารคุณแม่กุ้งเครฟิช
การให้อาหารไม่ต้องมากค่ะเช่น กุ้งฝอยต้ม 1 ตัวเค้าก็กินไม่หมดแล้ว
เพราะระยะที่เค้าอุ้มไข่แม่กุ้งจะอดอาหารเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองลอกคราบ
ในขณะอุ้มไข่ค่ะ ให้วันละ 1 มื้อก็เพียงพอค่ะ หลังจากให้อาหารแล้ว
ประมาณ 2-3 ชม. ให้ดูว่าหมดไม๊ ก็ให้เก็บเศษอาหารที่เหลือออก
ทันทีค่ะ สิ่งที่พึงระวังอย่างมากคือคุณภาพน้ำค่ะ ควบคุมคุณภาพน้ำ
ให้ดีค่ะอย่าให้มีของเสียเยอะเพราะแม่กุ้งจะสลัดไข่ทิ้งค่ะ
อุณหภูมิ
การจัดวางตู้คุณแม่กุ้งสถานที่เป็นสิ่งสำคัญมากให้ดูว่าตรงไหนที่จะไม่ทำให้
อุณหภูมิของน้ำเปลี่ยนขึ้นลงเร็วเกินไปค่ะ อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสม
จะอยู่ที่ประมาณ 25 องศา ค่ะ พยายามควบคุมอย่าให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลง
มากนักเช่น ไม่ควรขึ้นหรือลงเกิน 2 องศาค่ะ เพราะจะทำให้คุณแม่กุ้ง
เกิดความเครียดและสลัดไข่ทิ้งเช่นกัน
สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ช่วยควบคุมไม่ให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงมาก และรวดเร็ว
คือปริมาณของน้ำค่ะ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือตู้คุณแม่กุ้งต้องใหญ่ ๆ ค่ะ
น้ำต้องเยอะ ๆ ค่ะ อุณหภูมิของน้ำจะไม่เปลี่ยนแปลงมากค่ะ
ระยะเวลาการการฟักไข่
หลังจากที่คุณแม่เค้าเริ่มไข่แล้วจะให้ระยะเวลาประมาณสามสัปดาห์สีของไข่
จะเริ่มทยอยเปลี่ยนสี อย่างเช่น อัลลินี่ไข่ระยะแรกสีจะดำ หลังจากนั้น
ไข่จะพัฒนาค่อย ๆ ทยอยเปลี่ยนสีเป็นใส ๆ และเริ่มเห็นเป็นตัวและลูกตา
ของน้องกุ้งตัวน้อย ๆ พร้อมที่จะออกมาชมโลก
สีไข่ของกุ้งแค่ละสีจะไม่เหมือนกันนะคะ เช่น อัลลินี่ไข่จะสีดำ
ในระยะแรก สโนว์ไข่จะสีขาว บลูสป็อตไข่จะอีกสีน้ำตาลนิด ๆ ค่ะ
แต่ระยะสุดท้ายจะพัฒนาเป็นใส ๆ และมีจุดสองจุดคือลูกตาน้องกุ้ง
นั่นเอง
นับจากวันที่อุ้มไข่ประมาณ 30 วันไข่ที่ถูกผสมจะพัฒนาเป็นลูกกุ้ง
ส่วนไข่ที่ไม่ผสมคุณแม่กุ้งเค้าก็จะสลัดทิ้งไปโดยตัวเค้าเองค่ะ
ระยะนี้คุณแม่กุ้งเค้าจะยืนนิ่ง ๆ ทั้งวันค่ะ เพื่อให้เจ้ากุ้งน้อย ๆ ที่พร้อมแล้วกระโดดออกมาจากระยางค์ของเค้า ระยะนี้
จะใช้เวลาประมาณ 2-4 วันโดยประมาณแล้วแต่ปริมาณ
ของไข่ที่ฟักค่ะ
การดูแลคุณแม่กุ้งหลังคลอดและเด็ก ๆ
หลังจากเจ้าตัวน้อย ๆ ออกมาเดินเป็นยุงกันเต็มแล้ว
คุณแม่กุ้งเค้าก็จะเริ่มกินอาหารมากขึ้นค่ะ เพื่อสะสม
อาหารสำหรับการลอกคราบ
โดยปกติแล้วพอเจ้าตัวน้อยออกไปหมดแล้วเราก็จะทำการ
แยกแม่กุ้งออกเลยค่ะ แล้วก็ให้เค้ากินอาหาร หลังจากนั้น
ประมาณ 2 สัปดาห์คุณแม่เค้าก็จะลอกคราบค่ะ คุณแม่บางตัว
อาจลอกคราบถึงสองครั้งหลังจากการอุ้มท้อง แต่บางตัวก็
ลอกแค่ครั้งเดียวค่ะ
ส่วนลูกกุ้งนั้น เราก็จะใส่สาหร่ายหางกระรอกให้เค้าเยอะ ๆ ค่ะ
สำหรับเป็นที่หลบภัย และก็เป็นอาหารได้ด้วย
ผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ก็จะเริ่มให้อาหารเม็ดค่ะ
ที่ใช้อยู่จะเป็น เตตร้าครัสต้าค่ะ ที่เป็นแผ่นบาง ๆ ค่ะ
ที่เลือกใช้แบบนี้เพราะแผ่นบาง ๆ สามารถละลายน้ำ
ได้ง่ายเหมาะสำหรับลูกกุ้งวัยอนุบาลค่ะ กินง่าย
ตอนแรกเคยทดลองให้ไข่ต้มค่ะ แต่ปรากฎว่ากุ้งกินค่ะ
แต่ไม่เป็นผลดีกับน้ำเลยทำให้น้ำเสียและลูกกุ้งก็
ตายไปหลายตัวเหมือนกันค่ะ
การให้อาหารก็กะเอาค่ะไม่ต้องมากค่ะ เพราะเรา
ใส่สาหร่ายหางกระรอกอยู่แล้วยังไงน้องกุ้งน้อย
เค้าก็มีสาหร่ายให้แทะกินได้ตลอดเวลาค่ะ
ไม่ต้องกลัวเค้าจะหิวเพราะถ้าอาหารเหลือ
น้ำเสีย อาจถึงตายได้ค่ะ
ตู้สำหรับกุ้งวัยอนุบาล
หลังจากน้องกุ้งเริ่มตัวโตขึ้นแล้ว เราก็จะค่อย ๆ แยกน้องกุ้งออกไปค่ะเฉลี่ย ๆ ดู อย่าให้แออัดมากนัก
เพราะน้องกุ้งเค้าจะกินกันเองตอนลอกคราบได้ค่ะ
ตอนนี้คิดออกแค่นี้ค่ะ ถ้ามีใครสนใจหรือสงสัยอะไร
สามารถสอบถามเพิ่มได้ค่ะ คิดคนเดียวคิดไม่ออกแล้วค่ะ
อ้อสิ่งสำคัญมาก ๆ อีกอย่างสำหรับการเลี้ยงน้องกุ้ง
ต้องระวังเลยอันตรายมาก ๆ คือเรื่องสารเคมีค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นสปรย์ฉีดผม สเปรย์ปรับอากาศ ยาทาเล็บ
น้ำยาล้างเล็บ เจลใส่ผม เหล่านี้เป็นต้น เพื่อความ
ปลอดภัยของน้องกุ้งที่คุณรัก ก่อนจะหยิบจับหรือ
ทำภาระกิจใด ๆ ภายในตู้กุ้งควรล้างมือของท่าน
ให้เรียบร้อยก่อนทุกครั้งค่ะ เพราะสารเคมีจาก
สิ่งที่เราใช้อยู่อาจเป็นอันตรายกับน้องกุ้งที่คุณรัก
ได้นะคะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น